นายธนรัชต์ ภุมมะกสิกร
ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนของจังหวัดกาญจนบุรี
เพื่อคลายข้อสงสัยและให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าเขื่อนศรีนครินทร์ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด
6.3 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายแน่นอน
วันที่ 6 พฤษภาคม 2557 เวลา 09.00 น. นายธนรัชต์ ภุมมะกสิกร
ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับเหล่าสื่อมวลชน ได้แก่ ไทยรัฐ ,
ททบ.5 , เนชั่นแชนแนล ,เดลินิวส์ และ TNN 24 ถึงกรณีที่เมื่อวันที่
5 พฤษภาคม 2557 เวลาประมาณ 18.08 น. เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวจุดศูนย์กลางอยู่ที่
ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย ขนาด 6.3 ริกเตอร์ โดยจุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวซึ่งอยู่ห่างจากตัวเขื่อนแม่จาง
155.93 กิโลเมตร เขื่อนภูมิพล 281.38 กิโลเมตร เขื่อนสิริกิติ์ 231.26 กิโลเมตร เขื่อนวชิราลงกรณ
ประมาณ 554.83 กิโลเมตร อยู่ห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ 590.26 กิเมตร ทั้งนี้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ติดตั้งในบริเวณเขื่อนทุกเขื่อนแล้ว
ตรวจสอบแล้วพบว่ามีแรงกระทำมาถึงตัวเขื่อนน้อยกว่าค่าที่ออกแบบไว้
โดยมีแรงกระทำมาถึงตัวเขื่อนแม่จาง 0.0094g เขื่อนสิริกิติ์
0.0048g เขื่อนเขื่อนภูมิพล 0.0199g เขื่อนศรีนครินทร์
0.0015g และเขื่อนวชิราลงกรณ 0.0011g ซึ่งทุกเขื่อนออกแบบไว้ให้สามารถรองรับแรงกระทำได้
0.1g ค่าที่ทุกเขื่อนรับแรงกระทำได้จึงมีค่าน้อยมาก สำหรับภายในอุโมงค์ใต้ดินใต้ตัวเขื่อนศรีนครินทร์ปัจจุบันมีปริมาณน้ำซึมประมาณ
51 ลิตรต่อนาที ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์การรั่วซึมของน้ำที่เป็นปกติของเขื่อน
โดยระดับที่จะเป็นอันตรายต่อเขื่อนได้คือระดับ 90 ลิตรต่อนาที ซึ่งค่าที่ได้ก็ยังห่างจากระดับที่เป็นอันตรายต่อเขื่อนมาก
จึงขอให้วางใจว่า ทุกเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ทั้งนี้ทุกเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรงพร้อมรองรับในทุกสถานการณ์
อีกทั้งยังมีมาตรการในการดูแลบำรุงรักษา การตรวจสอบ
และการประเมินความมั่นคงปลอดภัยของตัวเขื่อนที่มีการดำเนินการมาอย่างสม่ำเสมอ
ตามหลักวิชาการ และตามมาตรฐานสากล เพื่อความมั่นใจ นอกจากนี้ เขื่อนวชิราลงกรณมีการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา
โดยการตรวจสอบเขื่อน จะมีการดำเนินการโดย คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยของเขื่อน
ซึ่งการดำเนินการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยของเขื่อนโดยกำหนดให้เขื่อนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ
และมีอายุใช้งานไม่เกิน 2 ปี ต้องตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง ส่วนเขื่อนที่มีอายุใช้งานระหว่าง
2 ถึง 5 ปี ตรวจสอบปีละครั้งและเขื่อนที่มีอายุใช้งานกว่า 5 ปี ตรวจสอบทุกๆ 2 ปี
สำหรับการตรวจสอบ
ประกอบด้วยการตรวจตัวเขื่อน ไหล่เขื่อน ลาดเขื่อน ตีนเขื่อน อุโมงค์ตรวจสอบ
อาคารระบายน้ำ อาคารท้ายน้ำ อ่างเก็บน้ำ และสภาพทางธรณีวิทยา
รวมทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องกล ด้วยมาตรฐานในระดับสากล
แต่อย่างไรก็ดี ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีการติดตาม
และตรวจสอบข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้น
